“ตราไก่” ฝรั่งเศส แชมป์เก่า ของกุนซือ ดีดิเย่ร์ เดส์ชองส์ ย้ำเต็มสูบเพื่อสานฝันเถลิงบัลลังก์ 2 สมัยติดการจัดทัพวาง คีลิยัน เอ็มบั๊ปเป้ นำทัพ ดวล โมร็อกโก ทีมม้ามืดที่ฟอร์มดีเหนือความคาดหมายแนวรุกไว้ใจ ยุสเซฟ เอ็น-เนซีรี่ ล่าสกอร์สู้ ในศึกฟุตบอลโลก 2022 รอบรองชนะเลิศ คืนวันพุธที่ 14 ธันวาคมนี้
สภาพทีม ฝรั่งเศส
ดิดิเยร์ เดสช็องส์ ที่ปรึกษาทีมชาติฝรั่งเศส แชมป์เก่า ยังอยู่ในทางป้องกันแชมป์ หลังเชือดชนะ อังกฤษ 2-1 จะยังคงใช้ระบบหลัก 4-2-3-1 แต่เกมนี้จะต้องลุ้นอาการของ ดาโยต์ อูปาเมกาโน่ ป้อมปราการหลังตัวกลาง และ ออเรเลียง ชูอาเมนี่ กลางรับ ที่มิได้ลงฝึกซ้อม โดย อูปาเมกาโน่ เจ็บป่วยมีลักษณะอาการซึ่งรู้สึกเจ็บคอ และ คล้ายเจ็บป่วย ส่วน ชูอาเมนี่ บาดเจ็บนิดหน่อย ก็เลยต้องกายภาพ แต่สุดท้ายน่าจะลงเล่นได้ โดยมี ฌูลส์ กุนเด้ และ เตโอ แอร์กน็องเดซ เติมเกมขวา-ซ้าย อุสมาน เดมเบเล่, อองตวน กรีซมันน์ และ คีเลียน เอ็มบัปเป้ ที่นำเป็นดาวซัลโวที่ 5 ประตู จะเป็นสามประสานอยู่หลัง โอลิวิเย่ร์ ชิรูด์ ที่ยืนเป็นหน้าเป้าปิดสกอร์
ผู้เล่น 11 คนแรกที่คาดว่าจะลงสนาม
ฝรั่งเศส (4-2-3-1)
อูโก้ โยริส
ฌูลส์ กุนเด้, ราฟาแอล วาราน, ดาโยต์ อูปาเมกาโน่, เตโอ แอร์กน็องเดซ
ออเรเลียง ชูอาเมนี่, อาเดรียง ราบิโอต์
อุสมาน เดมเบเล่, อองตวน กรีซมันน์, คีเลียน เอ็มบัปเป้
โอลิวิเย่ร์ ชิรูด์
สภาพทีม โมร็อกโก
วาลิด เรกรากุย ที่ปรึกษาที่กำเนิดยังฝรั่งเศส ได้สร้างประวัติศาสตร์พาทีมชาติโมร็อกโก ให้เปลี่ยนเป็นทีมจากแอฟริกา เข้ารอบรองชนะเลิศ ในฟุตยอลโลก 2022 เป็นครั้งแรก หลังจากเหลือ 10 คนก่อนเชือดชนะ โปรตุเกส 1-0 และยังไม่แพ้ผู้ใดใน ฤดูนี้ แถมเสียไปแค่ประตูเดียวซึ่งเป็นการที่ผู้เล่นตัวเองทำเข้าประตูด้วย ความพร้อมเพรียงนัดนี้ในระบบ 4-3-3 จะไม่มี วัลลิด เชดดิร่า ตัวสำรองที่โดนไล่ออกในเกมรอบ 8 ทีมสุุดท้าย แต่จะไม่มีผลกระทบกับทีมแต่ประการใด นาเยฟ อาเกิร์ด ที่เจ็บพลาดลงในเกมเดียวกัน แต่นัดนี้จะฟิตกลับมายืนเป็นเซ็นเตอร์ฮาล์ฟคู่กับ โรแม็ง ซาอิสส์ ที่จะฟิตเช่นกัน แม้ในเกมกับโปรตุเกส จะถูกเปลี่ยนออกเนื่องจากมีปัญหาที่เอ็นร้อยหวายก็ตาม ส่วนตัวหลักอย่าง อาชราฟ ฮาคิมี่,ฮาคิม ซิเย็ค และ โซฟิยาน บูฟาล พร้อมลงสนามตั้งแต่ต้นเกมทั้งหมด
ผู้เล่น 11 คนแรกที่คาดว่าจะลงสนาม
โมร็อกโก (4-3-3)
ยาสซีน บูนู
อาชราฟ ฮาคิมี่, นาเยฟ อาเกิร์ด, โรแม็ง ซาอิสส์, นุสแซร์ มาซราอุย
อัซเซดีน อูนาฮี, โซฟียาน อัมราบัต, เซลิม อมัลลาห์
ฮาคิม ซิเย็ค, ยุสเซฟ เอ็น เนซีรี่, โซฟิยาน บูฟาล
ความน่าจะเป็นของเกม
ความยืดหยุ่นในแนวรับ และการเล่นอย่างมีระเบียบวินัยของ โมร็อกโก มิได้รับผลพวงจากความไม่ค่อยสบายใจเรื่องอาการบาดเจ็บในเกมเจอโปรตุเกส แต่เกมนี้มาพบ ฝรั่งเศส ที่เปลี่ยนเป็นเต็ง 1 ในรอบตัดเชือก ถือว่าเป็นงานไม่หมูแน่ๆ ทีมจากแอฟริกา จะมาเล่นด้วยสปิริต และ สู้กับขุนพล “เลส์ เบลอส์”ที่มี คีเลียน เอ็มบัปเป้ ที่กำลังคั่ว ดาวซัลโว ของทัวร์นเมนต์ ได้อย่างเบิกบาน และ ใส่เต็มที่อย่างไม่ต้องสงสัย ซึ่งดูแล้ว 90 นาทีเวลาปกติโอกาสที่จะออกเสมอ และต่อเวลาพิเศษออกไป น่าจะเป็นไปได้มากที่สุด ก่อนที่ ฝรั่งเศส จะไปชนะในช่วงต่อเวลาพิเศษ
ไม่มีแผนรับมือเอ็มบัปเป “โมร็อกโก” ชี้ 3 ปัจจัยลุ้นชนะ “ฝรั่งเศส” เข้าชิงฟุตบอลโลก 2022
วันที่ 13 ธันวาคม 2565 วาลิด เรกรากุย ผู้จัดการทีมชาติโมร็อกโก ให้สัมภาษณ์สำหรับการแถลงข่าวก่อนเกมฟุตบอลโลก 2022 รอบรองชนะเลิศ คู่ที่ 2 ซึ่งจะพบศึกหนัก เจอกับ “แชมป์เก่า” ทีมชาติฝรั่งเศส คืนวันพุธที่ 14 ธันวาคมนี้ 02.00 น. ตามเวลาของประเทศไทย
ดังนี้ โมร็อกโก นับว่าเป็นชาติแรกจากทวีปแอฟริกาที่ทะลุเข้ามาถึงรอบรองชนะเลิศของศึกฟุตบอลโลก รอบสุดท้าย หลังหักปากกาเซียน ชนะอีกทั้ง เบลเยียม ในรอบแบ่งกลุ่ม กลุ่มเอฟ, ดวลจุดลูกโทษชนะ ประเทศสเปน ในรอบ 16 ทีม และเชือดชนะ โปรตุเกส ในรอบ 8 ทีม ซึ่งถ้าเกิดพลิกล็อกปราบ ฝรั่งเศส 1 ในทีมเต็งแชมป์เข้ารอบชิงชนะเลิศได้อีก ก็จะเปลี่ยนเป็นทีมม้ามืดที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในประวัติศาสตร์เวิลด์คัพ
แม้สื่อมวลชนจะจับตาว่า โมร็อกโก จะหาวิธีไหนมารับมือ คีเลียน เอ็มบัปเป กองหน้าฝรั่งเศส ผู้นำ ดาวซัลโว ฟุตบอลโลก 2022 ที่ซัดไปแล้ว 5 ประตู แต่ วาลิด เรกรากุย ก็ตอบแบบไม่ต้องรู้สึกว่า “น่าเสียดายสำหรับเรา เพราะ ฝรั่งเศส มีนักเตะฝีเท้าดีมากมายในทีม ไม่ใช่แค่ คีเลียน เอ็มบัปเป แต่พวกเขายังมี อองตวน กรีซมันน์ และนักเตะดีๆ อีกหลายคน ดังนั้นผมจะไม่โฟกัสแค่ เอ็มบัปเป แต่เราจะเล่นเป็นทีม”
ส่วนการเผชิญหน้ากันระหว่าง 2 เพื่อนซี้ต่างทีมชาติ ซึ่ง อัชราฟ ฮาคิมี แบ็กขวาโมร็อกโก ควรต้องสู้หน้าที่สกัด เอ็มบัปเป เพื่อนร่วมทีมเปแอสเช เรกรากุย ได้พูดว่า “เขาเป็นแชมเปียนผู้ยิ่งใหญ่ ดังนั้นผมจึงไม่กังวล พวกเขาทั้ง 2 คนต่างก็เป็นแชมเปียนที่ไม่มีใครยอมใครในสนาม ซึ่ง อัชราฟ ก็มีแรงจูงใจอย่างมากที่จะเอาชนะเพื่อนสนิทของเขา”
ขณะที่โอกาสลุ้นสร้างประวัติศาสตร์เป็นแอฟริกาชาติแรกที่เข้ารอบชิงชนะเลิศ ที่ปรึกษาโมร็อกโก ตอบว่า “เราเป็นทีมที่มีความทะเยอทะยานและกระหาย ผมไม่แน่ใจว่าสิ่งนั้นจะเพียงพอหรือไม่ แต่เราหวังว่าจะเป็นเช่นนั้น เราต้องการทำให้แอฟริกาขึ้นไปเป็นทีมหัวแถวของโลก ผมไม่ได้บ้า แต่ผมรู้ว่ามันจะยาก”
“เราต้องการเข้ารอบชิงชนะเลิศ และเรายังไม่พอใจกับการเป็นชาติแอฟริกาชาติแรกที่ผ่านเข้ามาถึงรอบรองชนะเลิศ เราต้องการไปให้ไกลกว่านี้ เรากำลังเผชิญหน้ากับทีมที่ดีที่สุดในโลก แต่เราโฟกัสไปที่เป้าหมายของเรา ซึ่งเกมนี้เป็นการเล่นแบบนัดเดียวจบ”
“(3 ปัจจัยลุ้นชนะ ฝรั่งเศส) เมื่อคุณมีความหลงใหล ความปรารถนา, มีความมุ่งมั่น และมีแฟนบอลอยู่เคียงข้างกว่า 20,000 คนที่ตามมาเชียร์ถึงกาตาร์ คุณจะประสบความสำเร็จได้ทุกอย่าง เราเชื่อว่าเราสามารถชนะได้”